บทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning เพื่อเสริมสร้างทักษะปฏิบัติการทางฟิสิกส์ สำหรับนักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต เป็นลักษณะของการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi – Experimental Research) แบบแผนการวิจัย (The Pretest – Posttest Nonequivalent – Groups Design) โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อพัฒนาและ หาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning ด้วยรูปแบบการปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ระดับมัธยมศึกษา ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภายหลังจากการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning ด้วยรูปแบบการปฏิบัติการทางฟิสิกส์ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน ต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป และ สาขาวิชาฟิสิกส์ ชั้นปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 103 คน กลุ่มตัวอย่าง (Sampling)กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็น นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์ ชั้นปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 50 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการขยายผลวิจัย (Sampling) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็น นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์ ชั้นปีที่ 5 ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 53 คน
เครื่องมือที่ผู้วิจัยได้ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 จำนวน 4 แผนการเรียนรู้ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 4 แผนการเรียนรู้ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 แผนการเรียนรู้ โดยมีเนื้อหาสาระดังนี้ แผนที่ 1 เรื่อง การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี แผนที่ 2 เรื่อง ควอนตัมของแสงและโฟตอน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ก่อนและหลังเรียน เป็นชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ ในทุกแผนการจัดการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย (X ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่า t-test แบบ Dependentและการทดสอบค่า t-test แบบ Independent สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการ Active Learning ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยหลังเรียน 8.73 สูงกว่าก่อนเรียนซึ่งมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 4.53 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.05 และ 1.33 ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยหลังเรียน 8.55 สูงกว่าก่อนเรียนซึ่งมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 4.59 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.11 และ 1.08 ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยหลังเรียน 8.55 สูงกว่าก่อนเรียนซึ่งมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 4.59 มีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.11 และ 1.08 ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
การศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning พบว่า ด้านสิ่งสนับสนุน (สื่อการสอน / อุปกรณ์การทำปฏิบัติการ) นักเรียนได้ความรู้ และทักษะในการทำปฏิบัติการ และนักเรียนสามารถนำสิ่งที่ได้รับจากโครงการ/กิจกรรมนี้ไปใช้ในการเรียน/การปฏิบัติงาน มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.75 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.41
ความคิดเห็น