มมโมรี่การ์ดมีตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อประมาณ15ปีก่อน หลังจากหมดยุคฟิลม์ เปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิตอล เมมโมรี่การ์ดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในทุกๆอุปกร์อิเล็คทรอนิค จะต้องใช้ตัวจัดเก็บข้อมูลกันมากขึ้น เมมโมรี่การ์ด ก็มีการพัฒนาตามอุปกรณ์เพื่อรองรับการใช้งานในแต่ละเจเนอเรชั่นอีกด้วย
ซึ่งถ้านับรวมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็มีมากมายหลายประเภท แต่จะแนะนำในปัจจุบันที่เราเห็นกันหลักๆ และได้ใช้งานกันจริงๆ มี 4 ประเภท
1.Micro SD Card
ส่วนใหญ่จะเห็นกันในโทรศัพท์ และแท็บเล็ต เพราะมีแผ่นขนาดเล็ก แต่ถ้าใส่อะแดร็ปเตอร์ ก็สามารถใช้กับกล้องได้เหมือนกัน
2.SD Card ชื่อเต็มคือ Secure Digital Card
จะใส่กับกล้องเกือบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ก็จะใช้งาน SD card กันเกือบทั้งหมดในปัจจุบัน
3.CF Card ชื่อเต็มคือ Compact Flash Card
จะมีขนาดใหญ่กว่าSD Card ซึ่ง CF Card มีการใช้มานาน เนื่องจากมีความแข็งแรงและเสถียรสูง ผู้ผลิตกล้องจะยังคงไว้อยู่กับสล็อตCF ส่วนใหญ่จะอยู่ในกล้องโปรตัวบนๆของแต่ละแบรนด์
4.Wi-Fi Card
ในยุคแห่งโซเชี่ยล ที่มีการแชร์ข้อมูลกัน จึงกำเนิดการ์ดที่สามารถส่งข้อมูลได้ ถ้าหากกล้องรุ่นไหนไม่มีฟังก์ชั่นWi-Fi ก็หา การ์ดแบบWi-Fi มาใช้งานส่งภาพเข้ามือถือได้เหมือนกัน
1.ขยายความจุ (แบ่งเป็น3แบบ)
ตัวอย่างภาพ การเข้ากันได้ระหว่างกล้องที่ใช้กับเมมโมรี่การ์ด
2.UHS Speed Class และ Speed Class
3.Bus Speed
Bus Speed เป็นหน่วยวัดค่า Ultra-High Speed Bus หรือ UHS เฉพาะของ U1 – U3 เท่านั้น ก็จะมี UHS-I กับ UHS-II ทั้ง2แบบเหมือนกัน ตแกต่างเรื่องความเร็ว โดยวิ่งเร็วถึง300MB/s ในUHS-II ถ้าเป็น UHS-I จะวิ่งอยู่100MB/s จุดสังเกตุจะอยู่ที่Pin ด้านหลังจะมีมากกว่า ยิ่งเร็วมากก็ยิ่งมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย แต่ที่สำคัญ ต้องเช็คออุปกรณืเราก่อนว่ารองรับหรือไม่ ถ้าไม่ได้ซื้อมาความเร็วก็วิ่งเท่าเดิม
4.Video Speed Class (มาใหม่)
แนวโน้มการถ่ายวีดีโอในอนาคตค่อนข้างมาก จึงมีการตั้ง Class V สำหรับวีดีโอที่เพิ่มมากขึ้นอย่าง 4K กับ 8K ซึ่งClass Vต่างๆ จะมีความเร็วเท่าไรดูได้จากตารางข้างล่างนี้
5.ความเร็วในการอ่าน
ตัวอย่าง เช่น 90MB/s คือ ความเร็วอ่าน90เม็กกะไบท์ต่อวินาทีสามารถอ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด แต่ความเร็วในการเขียนจะไม่ได้บอกไว้โดยตรงต้องอ่านจากซองแพ็คเกจ หรือในเว็ปไซต์ของแบรนด์ แต่ส่วนใหญ่จะเขียนน้อยกว่าในการอ่าน เช่น ความเร็วอ่าน90MB/s : ความเร็วเขียน60MB/s
6.ความจุ
ตัวเลข 256GB เป็นตัวเลขบอกความจุของการ์ดตัวนั้นว่าจุได้เท่าไหร่ คือ พื้นที่ในการเก็บข้อมูล ก็ควรเลยความจุตามความเหมาะสมกับอุปกรณ์จะดีที่สุด
สรุป
การเลือกใช้การ์ดต้องดูที่ความสามารถอุปกรณ์เป็นหลักก่อน แล้วมาเลือกดูว่าควรใช้การ์ดระดับไหน ถ้ากล้อง4K ก็ควรหาการ์ดที่มีความเร็วสูง เช่น Class10 U3 V30 แต่ถ้า Class10 ไม่มีอะไรต่อหลัง จะเป็นแบบธรรมดา ความเร็วจะน้อยกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูข้อมูลในคู่มือของอุปกรณ์จะดีที่สุด
ที่มาจาก http://www.eastbournecamera.com/
Filter by Group type
Filter by Total Members number
เมมโมรี่การ์ด
เมมโมรี่การ์ด
เมมโมรี่การ์ด
มมโมรี่การ์ดมีตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อประมาณ15ปีก่อน หลังจากหมดยุคฟิลม์ เปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิตอล เมมโมรี่การ์ดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในทุกๆอุปกร์อิเล็คทรอนิค จะต้องใช้ตัวจัดเก็บข้อมูลกันมากขึ้น เมมโมรี่การ์ด ก็มีการพัฒนาตามอุปกรณ์เพื่อรองรับการใช้งานในแต่ละเจเนอเรชั่นอีกด้วย
ซึ่งถ้านับรวมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็มีมากมายหลายประเภท แต่จะแนะนำในปัจจุบันที่เราเห็นกันหลักๆ และได้ใช้งานกันจริงๆ มี 4 ประเภท
1.Micro SD Card
ส่วนใหญ่จะเห็นกันในโทรศัพท์ และแท็บเล็ต เพราะมีแผ่นขนาดเล็ก แต่ถ้าใส่อะแดร็ปเตอร์ ก็สามารถใช้กับกล้องได้เหมือนกัน
2.SD Card ชื่อเต็มคือ Secure Digital Card
จะใส่กับกล้องเกือบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ก็จะใช้งาน SD card กันเกือบทั้งหมดในปัจจุบัน
3.CF Card ชื่อเต็มคือ Compact Flash Card
จะมีขนาดใหญ่กว่าSD Card ซึ่ง CF Card มีการใช้มานาน เนื่องจากมีความแข็งแรงและเสถียรสูง ผู้ผลิตกล้องจะยังคงไว้อยู่กับสล็อตCF ส่วนใหญ่จะอยู่ในกล้องโปรตัวบนๆของแต่ละแบรนด์
4.Wi-Fi Card
ในยุคแห่งโซเชี่ยล ที่มีการแชร์ข้อมูลกัน จึงกำเนิดการ์ดที่สามารถส่งข้อมูลได้ ถ้าหากกล้องรุ่นไหนไม่มีฟังก์ชั่นWi-Fi ก็หา การ์ดแบบWi-Fi มาใช้งานส่งภาพเข้ามือถือได้เหมือนกัน
1.ขยายความจุ (แบ่งเป็น3แบบ)
ตัวอย่างภาพ การเข้ากันได้ระหว่างกล้องที่ใช้กับเมมโมรี่การ์ด
2.UHS Speed Class และ Speed Class
3.Bus Speed
Bus Speed เป็นหน่วยวัดค่า Ultra-High Speed Bus หรือ UHS เฉพาะของ U1 – U3 เท่านั้น ก็จะมี UHS-I กับ UHS-II ทั้ง2แบบเหมือนกัน ตแกต่างเรื่องความเร็ว โดยวิ่งเร็วถึง300MB/s ในUHS-II ถ้าเป็น UHS-I จะวิ่งอยู่100MB/s จุดสังเกตุจะอยู่ที่Pin ด้านหลังจะมีมากกว่า ยิ่งเร็วมากก็ยิ่งมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย แต่ที่สำคัญ ต้องเช็คออุปกรณืเราก่อนว่ารองรับหรือไม่ ถ้าไม่ได้ซื้อมาความเร็วก็วิ่งเท่าเดิม
4.Video Speed Class (มาใหม่)
แนวโน้มการถ่ายวีดีโอในอนาคตค่อนข้างมาก จึงมีการตั้ง Class V สำหรับวีดีโอที่เพิ่มมากขึ้นอย่าง 4K กับ 8K ซึ่งClass Vต่างๆ จะมีความเร็วเท่าไรดูได้จากตารางข้างล่างนี้
5.ความเร็วในการอ่าน
ตัวอย่าง เช่น 90MB/s คือ ความเร็วอ่าน90เม็กกะไบท์ต่อวินาทีสามารถอ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด แต่ความเร็วในการเขียนจะไม่ได้บอกไว้โดยตรงต้องอ่านจากซองแพ็คเกจ หรือในเว็ปไซต์ของแบรนด์ แต่ส่วนใหญ่จะเขียนน้อยกว่าในการอ่าน เช่น ความเร็วอ่าน90MB/s : ความเร็วเขียน60MB/s
6.ความจุ
ตัวเลข 256GB เป็นตัวเลขบอกความจุของการ์ดตัวนั้นว่าจุได้เท่าไหร่ คือ พื้นที่ในการเก็บข้อมูล ก็ควรเลยความจุตามความเหมาะสมกับอุปกรณ์จะดีที่สุด
สรุป
การเลือกใช้การ์ดต้องดูที่ความสามารถอุปกรณ์เป็นหลักก่อน แล้วมาเลือกดูว่าควรใช้การ์ดระดับไหน ถ้ากล้อง4K ก็ควรหาการ์ดที่มีความเร็วสูง เช่น Class10 U3 V30 แต่ถ้า Class10 ไม่มีอะไรต่อหลัง จะเป็นแบบธรรมดา ความเร็วจะน้อยกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูข้อมูลในคู่มือของอุปกรณ์จะดีที่สุด
ที่มาจาก http://www.eastbournecamera.com/