ยังเฝ้าฝันอันใด ในอันธการ
เจ้าหวังอะไรในปีกเจ้า?
จึงคลี่ปีกบางเบาเย้าลมกล้า
มิสะท้านพาลภัยในมรรคา
สำมะหาอันใดในแดดร้าย
มิดักดานในดักแด้จนแดดิ้น
เปลือกบาง-ไร้สิ้นซึ่งความหมาย
ปีกยับ-ยังยืนยันจะยันกาย
ขยับขยายระบายปีกประกาศตัว
เพื่อแจ้งใจว่าโลกกว้างนี้กว้างนัก
เพื่อรู้รักเรณูนวลที่ยวนยั่ว
เพื่อแต่งสีเลื่อมลายในมืดมัว
เพื่อท่องเที่ยวถ้วนทั่วอย่างเป็นไท
ตื่นเต้นเช่นนี้ นี่แหละโลก
อำพรางบางโศก-หมกไหม้
ปีกเจ้า ยังเยาว์อยู่มิรู้ใด
ว่าซื่อใสไม่อาจทรงในดงดำ
นกจาบ-ศัตรูเจ้าเฝ้าจู่จ้วง
ให้แหลกร่วงยับย่อยรอยขย้ำ
ตาข่าย ยังจดจ้องจะจองจำ
และฝนพรำจะย่ำปีกให้เปิดเปิง
ผีเสื้อเอย, ข้าเคยเป็นเช่นผีเสื้อ
คิดว่าโลกจะโอบเอื้อจึงหลงเหลิง
และแดดอ่อนคงต้อนรับด้วยร่าเริง
จึงซมซานกระเซอะกระเซิงมานานนัก
นานแล้ว-นานมา, ที่ข้าคิด
เบือนบิดผิดกระบวนกระอ่วนกระอัก
โลกมิใช่ของเราหรอก, ที่รัก
โลกเป็นของผู้มีศักดิ์และหนักบุญ
เว้นเสียแต่ตัวเจ้าจะกร้าวกร้าน
มิตระหนกในตระหง่านแห่งเขาขุน
มิยี่หระในร้อนแรงแห่งอรุณ
มิสนเท่ห์ศักดิ์สกุลแห่งปีกบาง
และต้องรู้มายาบุปผาพิษ
ต้องทวงสิทธิ์สัมปทานอากาศกว้าง
ต้องชิงพริบชิงไหวในอำพราง
เพื่อบุกเถื่อนเบิกทางอย่างท้าทาย
แล้วเจ้าหวังอะไรในปีกเจ้า?
ริ้วริ้ว-แหว่งเว้ายังวาดว่าย
ถูกปล้นสีจนเซียวซีดมิฟูมฟาย
มิเปลื้องศักดิ์แม้ดับดายในอันธการ ๚ะ๛
——————————————————————
ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ ผู้ประพันธ์
บทกวีเข้ารอบสุดท้าย รางวัลเปลื้อง วรรณศรี ครั้งที่ 4 ประจำปี 2561
(ภาพปกโดย Игорь Левченко จาก Pixabay)
ความคิดเห็น