Oral test แสนสนุก
ตอนที่ 2
“กลุ่มที่มาปิกนิกหน้าบ้านน่ะ พร้อมจะมาทดสอบยัง” ผมตะโกนถามบรรดานักศึกษาที่มาสอบซ่อม oral test – ทดสอบการอ่านและการตอบคำถามภาษาอังกฤษ วันนี้ที่บ้านสวนผมเอง ซึ่งดูแล้วแต่ละคนเหมือนมาปิกนิกมากกว่ามาทดสอบซะอีก
“เอ้านี่ เสาวรสแก้เครียดค่ะ เห็นสอบไม่ผ่านซักที นี่มีมันต้มถั่วต้มด้วย กินได้เลยนะ” ภรรยาอ้วนกลมอารมณ์ดีเอาของกินมาเสิร์ฟ พร้อมชวนบรรดาสาวๆ ที่ยังไม่พร้อมสอบเดินชมสวน เก็บเสาวรส มะขามป้อม พร้อมทำพริกเกลือมากินกันสนุกสนาน
“อาจารย์คะ หนูมีเรื่องจะฟ้องค่ะ จอยเก็บลูกเชอรี่อาจารย์กินจะหมดต้นแล้วค่ะ”
“เอ้อ ไม่เป็นไร กินไปเลย เก็บดีๆ ระวังตกสระล่ะ” ผมบอก
“นี่เดือนหน้ามะขามเทศยักษ์จะออกฝักเยอะเลย ใครสอบตกต้องมาซ่อม มาเก็บกินกันได้นะ” เสียงภรรยาผมบอกนักศึกษา แล้วก็มีเสียงตอบรับ “ค่า” กลับมาในทันที (ท่าจะรู้ตัวกันแฮะ ^^)
สายๆ พออากาศเริ่มร้อน นางแก้วตาก็ถามเพื่อนๆ ว่า “มีใครจะเอาโค้กมั่ง” เสร็จก็บึ่งมอไซด์ออกไปหน้าปากซอย กลับมาพร้อมกับน้ำและขนมอีกหลายถุง
อืม….. นี่มันมาปิกนิกกันแบบเอาจริงเอาจังเลยใช่มั๊ยเนี่ย…
“อาจารย์คะ หนูใช้สิทธิ์ครบ 3 ครั้งแล้ว ถ้าจะสอบอีกต้องทำไงคะ”
“กระโดดเชือกเป็นมั๊ย”
“เป็นค่ะ”
“เอ้านั่น เชือก ไปกระโดดมาก่อน 50 ทีแล้วจะให้สอบอีกครั้ง”
“จารย์ครับ เชือกมันสั้นผมโดดไม่ถนัด”
“งั้น โน่น ไปก้าวขึ้นลงแคร่ 50 รอบแทน ทำเป็นใช่มั๊ย”
“เป็นครับ”
“โอ้ยๆ พี่อิง ระวังแคร่อาจารย์หักนะนั่น” เสียงเพื่อนๆ แซว
“หนูโดดมา 200 ทีจนจะผอมแล้วเนี่ยค่ะ” นักศึกษาที่มาแก้ตัวแล้วแก้ตัวอีกแต่ก็ไม่ผ่านซักทีบอก
อาจารย์ท่านใดสนใจ เอาไปใช้ได้นะครับ
เป็นการสอบแก้ตัวที่ได้เหงื่อดีพอๆ กับไปฟิตเนสเลยนะนี่ อิอิอิ
“เย็นแล้วจ้า กลับบ้านๆ กันได้แล้ว”
“ไม่ค่ะ ถ้าไม่ผ่านหนูจะไม่กลับ”
“งั้นนอนบ้านหมาหน้าบ้านได้เลย ขดๆ อยู่ด้วยกันก็อุ่นดี”
“วุ๊ อาจารย์น่ะ”
“ฮ่าๆๆ” “วันนี้เหนื่อยละ กลับบ้านๆ”
“พรุ่งนี้พวกหนูมาอีกนะคะ”
“พรุ่งนี้วันอาที๊ดดดดย์ ให้ผมพักผ่อนบ้างเท๊อะ…”
ก่อนกลับ แอบไปได้ยินนักศึกษาบ่นกันว่า “มากันตั้งเยอะ ผ่านแค่ไม่กี่คนเอง”
ก็จริงน่ะนะ แต่ผมก็บอกแต่แรกแล้วว่า ผมแค่ให้โอกาสในการสอบ ส่วนจะผ่านหรือไม่ก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคน และขอรับรองเลยว่าคำถามไม่ได้ยากเกินไป สังเกตได้จากคนที่นั่งฟังนั่งลุ้นตอนที่เพื่อนสอบอยู่ พอผมถามคำถามปุ๊ป หลายคนก็จะมีปฏิกิริยาแบบ โอ๊ย… ง่าย…. ทำไมมึงตอบไม่ได้ว๊า……. ใช่มะ ^^
และที่สำคัญ หลายคนอาจพยายามเต็มที่แล้ว แต่มันยังไม่เพียงพอ
มันเหมือนกับเราไปลงแข่งวิ่งมาราธอน ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร แต่ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาของเราคือ กิน นอน เที่ยว เล่น ไม่ได้ออกกำลังกายเลย พอรู้ว่าจะแข่ง ก็ซ้อมวิ่งอยู่ 4-5 วัน ต่อให้พยายามแค่ไหน มันก็ย่อมหมดแรงก่อนไปถึงเส้นชัย
ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าให้เราล้มเลิกหรือละทิ้งความพยายามนะ
แต่อยากให้เรารู้ว่า ถึงตอนนี้เราจะยังไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้ แต่เราได้เริ่มต้นฝึกซ้อมอย่างจริงจังแล้ว งานนี้อาจพลาดท่า แต่งานหน้าย่อมเป็นของเรา (ไม่รู้ว่างานไหนนะ อิอิ)
สู้ตายทาเคชิ ! ^^
ความคิดเห็น