บทคัดย่อ

งานวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบ ฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยใช้ชุดกิจกรรมสะเต็มศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการศึกษา แบบสะเต็มศึกษา  และ 2)พัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์นักศึกษาโดยใช้รูปแบบการจัดการศึกษา แบบสะเต็มศึกษา ในรายวิชาโครงงานฟิสิกส์ ประชากรที่ใช้ในงานวิจัย เป็นนักศึกษา สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะครุศาสตร์   มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์  จำนวน  222  คน  กลุ่มตัวออย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ เป็นนักศึกษา สาขาวิชาฟิสิกส์ ชั้นปีที่  3  หมู่เรียน 1 และ หมู่เรียน 2  คณะครุศาสตร์   มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์  ที่ศึกษาในรายวิชาโครงงานฟิสิกส์  รหัสวิชา 1193903   ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน  40 คน คณะครุศาสตร์   มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์  ซึ่งได้มาจากการการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง   เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยได้แก่  1)  แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น เพื่อทดสอบความสามารถก่อนเรียนและหลังเรียน รายวิชาโครงงานฟิสิกส์  โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา จำนวน 1 ฉบับ เป็นแบบทดสอบปรนัย (Multiple Choice) 5 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ   2)  สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ตามจุดมุ่งหมายรายวิชา และวิธีการสอนรายวิชาโครงงานฟิสิกส์  3 ) การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการจัดการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา  รายวิชาโครงงานฟิสิกส์  รหัสวิชา 1193903  ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

 

ผลการศึกษา พบว่า

  1. 1. นักศึกษาที่รับการจัดการเรียนรู้ โดยชุดกิจกรรมสะเต็มศึกษา มีคะแนนเต็ม 20  คะแนน คะแนนเฉลี่ย  ( = 18 ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ( S.D. = 1.32 ) ของคะแนนก่อนเรียนวิชาฟิสิกส์   เรื่อง การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย และคะแนนหลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมสะเต็มศึกษา มีคะแนนเฉลี่ย  ( = 19.35 ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ( S.D. = 0.94 ) เมื่อนำคะแนนมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อย่างง่ายหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01   ( P = 0.00 )

2. นักศึกษาพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์นักศึกษาโดยใช้โดยชุดกิจกรรมสะเต็มศึกษา  จากคะแนน  ผลงานสะเต็ม กระบวนการ (STEM) เน้นออกแบบเชิงวิศวกรรม  การนำเสนอผลงาน   การบูรณาการความรู้ (STEM)  โดยมีประสิทธิภาพของกระบวนการ  (E1)  มีค่าร้อยละเท่ากับ  94.45  และคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน มีคะแนนเฉลี่ย  19.35  จากคะแนนเต็ม 20  คะแนน  คิดเป็นร้อยละ  96.75  โดยมีประสิทธิภาพของกระบวนการ  (E2)  มีค่าร้อยละเท่ากับ  96.75  ซึ่งสรุปได้ว่าประสิทธิภาพของกระบวนการ  ( 94.45/96.75) มีค่ามากกว่าที่กำหนดไว้ ( 75/75 )

ไฟล์แนบ

pdf การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาฟิสิกส์

ขนาดไฟล์ 3 MB | จำนวนดาวน์โหลด 13 ครั้ง

ความคิดเห็น